เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2020 องค์การอนามัยโลก​ ได้ประกาศให้ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางของสถานการณ์การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2562–2563​ โดยมีผู้ติดเชื้อในประเทศต่างๆเพิ่มขึ้น 2 เท่าในระยะเวลาเพียง 3 ถึง 4 วัน และยังปรากฏว่าในบางประเทศมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุกๆ 2 วัน[2]โดยในปัจจุบันทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากทวีปอเมริกาเหนือ​โดยยุโรปเป็นทวีปที่มีผู้ติดเชื้ออยู่ในทุกประเทศของทวีป เมื่อประเทศมอนเตเนโกรรายงานการพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ​เป็นประเทศสุดท้าย และในปัจจุบันพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย จากทุกประเทศยกเว้นนครรัฐวาติกันที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนในบางเมืองหรือบางหมู่เกาะของบางประเทศกลับยังไม่พบผู้ติดเชื้อเช่นหมู่เกาะสฟาลบาร์และเกาะ​ยานไมเอนของประเทศนอร์เวย์, เกาะตาโวลาราของประเทศอิตาลี, เมืองกีโรคาสเตอร์ของประเทศแอลเบเนีย​, เมืองตีร์โกวิชเตของประเทศโรมาเนีย, เมืองมิสซาลองกิของประเทศกรีซ,​ เมืองอิดันญา อาโลวาของประเทศโปรตุเกส​ และ ซีแลนด์หลังจากการพบผู้เสียชีวิตที่ประเทศโมนาโก​ทำให้ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลกที่พบผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ในวันที่ 5 เมษายน ที่แซ็งปีแยร์และมีเกอลง ดินแดนในการปกครองประเทศฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ​พบผู้ติดเชื้อ 1 รายทำให้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม มีประชาชนในยุโรปมากกว่า 250 ล้านคนถูกห้ามออกนอกพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด[3]